สาวน้อยประแป้ง
          สาวน้อยประแป้ง เป็นไม้ใบประดับอีกกลุ่มหนึ่งที่ได้รับความนิยมปลูกเลี้ยงไว้ประดับอาคารบ้านเรือนและสำนักงานอย่างแพร่หลาย ไม่ต่างไปจากเขียวหมื่นปี ไม้ในกลุ่มนี้ส่วนใหญ่นำเข้าจากต่างประเทศ เมื่อมาถึงเมืองไทยก็กลายเป็นไม้มงคลที่ถูกตั้งชื่อให้มีความหมายไปในทางมงคล จึงเป็นไม้ประดับที่นิยมเลี้ยงกันเพื่อความเป็นสิริมงคลของผู้ปลูกเลี้ยง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Dieffenbachia Seguine (Jacq.) Schott
วงศ์ : ARACEAE
ชื่อสามัญ : Dumb Cane
ชื่ออื่นๆ : ช้างเผือก, ว่านพญาค่าง, ว่านหมื่นปี, อ้ายใบก้านขาว, บ้วนนีแช (จีน)
ถิ่นกำเนิด : แถบหมู่เกาะอินดิสตะวันตกและทวีปอเมริกาใต้
ประเภท : เป็นไม้ล้มลุก พืชใบเลี้ยงเดี่ยว ไม่มีกิ่งก้าน ลำต้นตั้งตรง สูงประมาณ 70 - 100 เซนติเมตร ลักษณะอวบน้ำ
ลักษณะทั่วไป : สาวน้อยประแป้ง เป็นพืชใบเลี้ยงเดี่ยวมีลักษณะคล้ายพืชในตระกูลเขียวหมื่นปี แต่ใหญ่กว่า
          ลำต้น : เป็นไม้เนื้ออ่อนกลม ตั้งตรงแข็งแรง มีข้อถี่ แตกใบอ่อนตรงส่วนยอดของลำต้นทีละใบ ก้านใบยาว ส่วนที่ติดกับลำต้นมีลักษณะเป็นกาบ
          ใบ : มีรูปร่างยาวเรียวคล้ายใบพาย โคนใบมน ปลายใบเรียวแหลม บางชนิดแหลมเกือบมน พื้นใบมีสีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้ม ด่างสีขาว ครีม หรือเหลือง หรือมีจุดแต้มบนพื้นใบต่างกันไป
          ดอก : ดอกของสาวน้อยประแป้งมีลักษณะคล้ายดอกหน้าวัว มีกาบอยู่เพียงกาบเดียวหุ้มแท่งเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมีย โดยเกสรตัวผู้อยู่ส่วนบน และเกสรตัวเมียอยู่ส่วนล่าง ออกดอกเป็นกลุ่มส่วนมากมีสีเขียวอ่อน เวลาบานกาบจะแย้มออกเล็กน้อย ดอกของสาวน้อยประแป้งบางชนิดมีกลิ่นเหม็นมาก
          ผล : เป็นฝัก ผลย่อยกลมหรือรูปไข่ แต่ละผลจะมีเมล็ดเดียว ผลสดเนื้อนุ่ม สีส้มหรือสีแดง
          ยางของสาวน้อยประแป้งเป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์ ถ้าถูกผิวหนังจะทำให้คันมาก ถ้าเข้าปากจะทำให้ลิ้นบวมและขากรรไกรแข็ง หากกินเข้าไปอาจทำให้ตายได้
การขยายพันธุ์ :
          1.การแยกหน่อ เป็นวิธีที่ง่ายและได้ผลรวดเร็ว แต่ใช้ได้กับต้นที่มีหน่อเท่านั้น โดยตัดหน่อใหม่ที่มีใบ 2-3 ใบและที่โคนหน่อมีรากแล้ว ทารอยตัดด้วยปูนแดงรอให้แห้ง ก็สามารถนำไปปลูกได้ทันที
          2.การปักชำยอด วิธีนี้มักใช้กับต้นที่มีขนาดใหญ่สูงชลูดขาดความสวยงามโดยตัดยอดให้มีความ ยาวพอสมควรไม่สั้นหรือยาวเกินไปและตัดให้รอยตัดชิดกับข้อต้นมากที่สุด ทาปูนแดงที่รอยตัดทั้งสอง ลอกใบของยอดชำออกให้เหลือแต่ใบส่วนยอดประมาณ 4-5 ใบนำไปปักชำในขุยมะพร้าวผสมขี้เถ้าแกลบหรือขุยมะพร้าวผสมทรายหยาบ วางไว้ในที่ร่ม รดน้ำและรักษาความชื้นให้สม่ำเสมอ ประมาณ 3-4 สัปดาห์ จะเกิดรากจึงสามารถย้ายปลูกลงดินได้ต่อไป
          3.การตอนยอด วิธีนี้มักใช้กับต้นที่มีขนาดใหญ่สูงชะลูดเช่นเดียวกับการปักชำยอด โดยลอกใบด้านล่างของยอดให้เหลือยอดพอสวย ใช้มีดที่คมและสะอาด กรีดเป็นรอยตามความยาวของต้นลึกประมาณ 0.5 ซ.ม. บริเวณข้อต้นที่จะตอน 4-6 รอย หุ้มด้วยถุงพลาสติกมัดให้แน่น ประมาณ 3-4 สัปดาห์รากจะงอก จึงตัดนำไปปลูกต่อไป
          4.การชำข้อและลำต้น เป็นวิธีที่ง่ายและทำให้ได้ต้นใหม่จำนวนมาก ทำได้โดยตัดส่วนของข้อหรือลำต้นเป็นท่อนๆ ยาว 5-7 ซ.ม. โดยให้มีส่วนของตาติดมาด้วยทุกท่อน แช่ด้วยน้ำผสมยากันเชื้อราหรือทาด้วยปูนแดงทิ้งไว้ให้แห้ง นำไปชำในขี้เถ้าแกลบผสมขุยมะพร้าวในอัตราส่วนเท่าๆ กัน โดยฝังให้จมลงประมาณสองในสามส่วนของลำต้นตามแนวนอนและวางให้ตาที่สมบูรณ์ที่สุดอยู่ด้านบน ประมาณ 45-60 วัน รากจะงอก เมื่อใบขึ้นมา 2-3 ใบจึงย้ายปลูกได้
การดูแลรักษา :
          แสง : สาวน้อยประแป้ง เป็นไม้ที่ปลูกเลี้ยงดูแลรักษาง่าย ต้องการแสงแดดหรือแสงสว่างมาก แต่ก็สามารถเจริญงอกงามได้ดีในที่มีแสงแดดรำไร แต่ถ้าให้ถูกแสงแดดโดยตรงจะทำให้ใบไหม้ได้ หากได้รับแสงเพียงด้านใดด้านหนึ่งจะทำให้ต้นเอียงไปทางด้านที่มีแสงมากกว่า
          น้ำ : อย่ารดน้ำมากเกินไปจนแฉะ เพราะอาจทำให้เกิดก้านเน่าได้ ควรรดแต่น้อย แต่รดให้บ่อยครั้งและในหน้าหนาวควรลดการให้น้ำลง เพราะอาจทำให้เกิดเชื้อราได้
          ความชื้น : ชอบสภาพดินฟ้าอากาศที่มีความชื้นสูง แต่บางชนิดก็สามารถปรับตัวให้อยู่ในที่มีความชื้นในอากาศปานกลางได้
          ดิน : สำหรับดินที่ใช้ปลูกควรเป็นดินที่มีส่วนผสมของอินทรียวัตถุ ปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยหมัก ระบายอากาศ ระบายน้ำได้ดี ไม่มีน้ำขังแฉะหรือแห้งเร็วเกินไป
          ปุ๋ย : ปุ๋ยเคมีควรใช้ปุ๋ยสูตรเสมอ เช่น 10-10-10, 15-15-15 ในปริมาณน้อยๆ หรืออาจใช้ปุ๋ยละลายช้าเพื่อค่อยๆ ปลดปล่อยธาตุอาหารให้แก่ต้นก็ได้
ข้อดีของพันธุ์ไม้ :
          1.เป็นไม้ประดับที่มีใบใหญ่สวยงามไปด้วยลวดลายและค่อนข้างหนา ก้านใบหนา ใบมีตั้งแต่สีเขียวอ่อน เขียวแก่ และสีเหลืองครีม มีลายแต้มประปรายอยู่ตามใบ
          2.เป็นพืชที่เลี้ยงง่าย แม้บางครั้งบางคราวเจ้าของอาจจะปล่อยปละละเลยไปบ้างก็ตาม
การใช้ประโยชน์ : เป็นไม้ประดับ สาวน้อยประแป้งที่มีใบขนาดใหญ่ จึงทำให้เป็นไม้ประดับที่ดูดสารพิษภายในห้องได้เป็นอย่างดี
-----------------------------------------------------------------------
หมายเหตุ : “สาวน้อยประแป้ง มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “อ้ายใบ เป็นพืชในวงศ์ Araceae สกุล Dieffenbachia แต่นิยมเรียกกันทั่วไปว่า Dumb Cane มีถิ่นกำเนิดอยู่ในแถบหมู่เกาะอินดิสตะวันตกและทวีปอเมริกาใต้ สำหรับคำว่า Dieffenbachia ตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่นักพฤกษศาสตร์ชาวเยอรมัน นาย เจ.เอฟ.ดิฟเฟนบาค ( J.F.Dieffenbach )
          สาวน้อยประแป้งในเมืองไทยถูกนำเข้าจากประเทศอเมริกาใต้หลายประเทศ เช่น เวเนซุเอล่า บราซิล โคลัมเบีย และคอสตาริก้าเป็นต้น การนำเข้ามีทั้งพันธุ์ดั้งเดิมและลูกผสมใหม่ๆ โดยที่รัฐฟลอริด้าของสหรัฐฯ ถือได้ว่าเป็นแหล่งผลิตลูกผสมใหม่ๆ มากมาย ซึ่งล้วนมีความสวยงามแปลกตา ความสวยงามของไม้ตระกูลสาวน้อยประแป้งอยู่ที่ทรงต้น ใบที่มีขนาดใหญ่ มีริ้วลาย จุดประ สีสันสะดุดตา การเรียงตัวของกาบใบ และความอ่อนช้อยนุ่มนวล เหล่านี้ล้วนเป็นเสน่ห์ของสาวน้อยประแป้ง
          ต้นสาวน้อยประแป้งยังจัดเป็นพืชพิษ ชนิดหนึ่งที่มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต ซึ่งหลายคนไม่รู้และมักจะใช้ตกแต่งสำนักงาน ถ้ามีใครเด็ดใบไม้แล้วเอามือมาป้ายตา อาจทำให้ตาบอดชั่วคราว หรือบอดสนิทได้เลย พิษของมันสามารถฆ่าเด็กได้ภายในเวลา 1 นาที และสำหรับผู้ใหญ่ก็อาจตายได้ในเวลา 15 นาที
          ผู้ที่ได้รับพิษที่รับประทานต้นสาวน้อยประแป้งเข้าไป พบว่ามีอาการเผ็ดร้อนในปาก การบวมของข้างแก้ม ลิ้น เพดานและหน้าบวม พูดไม่ชัด บางรายถึงกับเสียงหายไป อาการบวมและปวดมีมากจนกระทั่งกลืนอาหารไม่ได้ และบางครั้งจะมีอาการระคายเคืองทางเดินอาหาร แต่ไม่มีผลต่อไตหรือทำให้ชัก
          การสัมผัสกับผิวหนังอาจมีอาการแพ้เป็นผื่นบวมแดง อาการบวมจะเริ่มลดลงในวันที่ 4 และเกือบหมดไปในวันที่ 12 แต่อาการปวดจะยังคงมากอยู่ จนถึงวันที่ 8 อาจเกิดแผลที่ลิ้นและข้างแก้ม ตลอดจนทางเดินอาหารส่วนอื่น ๆ ด้วย แม้ว่าอาการพิษที่เกิดจากต้นสาวน้อยประแป้งจะพบได้ไม่บ่อยนัก แต่ต้นสาวน้อยประแป้ง จัดเป็นพืชที่หาง่ายและขึ้นอยู่ทั่วไป โอกาสที่จะเกิดการสัมผัสยางหรือรับประทานพืชต้นนี้เข้าไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์อาจเกิดขึ้นได้ จึงควรที่จะระมัดระวังด้วย